สำรวจค่าผ่อนบ้าน ต้องมีเงินเดือนเท่าไหร่ สำหรับบ้าน 2-5 ล้าน

เมื่ออายุเริ่มแตะหลักสาม หลายคนที่ทำงานประจำก็มักเริ่มมองหาความมั่นคงให้กับชีวิต ด้วยการวางแผนซื้อบ้านหลังแรกเป็นของตัวเอง อย่างไรก็ตาม ด้วยราคาบ้านที่ค่อนข้างสูง หากต้องเก็บเงินก้อนเพื่อซื้อแบบเงินสด อาจต้องใช้เวลาสะสมเงินยาวไปจนถึงวัยเกษียณเลยทีเดียว ทำให้มนุษย์เงินเดือนส่วนใหญ่ จึงเลือกใช้วิธีกู้สินเชื่อบ้านจากธนาคาร เพื่อทำให้การมีบ้านในฝันเป็นเรื่องที่จับต้องได้มากขึ้น
ทั้งนี้ บ้านที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตในยุคปัจจุบัน มักจะมีราคาเริ่มต้นประมาณ 2-5 ล้านบาท ถือเป็นช่วงราคาที่เหมาะสม สำหรับผู้ที่กำลังเริ่มต้นสร้างครอบครัว หรืออยากมีบ้านหลังแรก
ดังนั้น ในบทความนี้ นครทองขอพาทุกคนมาสำรวจค่าผ่อนบ้าน ผ่านตัวอย่างการคำนวณง่าย ๆ จากโครงการทาวน์โฮมแพรกษา “The Urban Vibe” ว่าบ้านในงบประมาณนี้ ควรมีเงินเดือนเท่าไหร่ ถึงจะผ่อนสบาย ไม่ลำบากในระยะยาว ถ้าพร้อมแล้ว ไปดูกัน
เช็กค่าผ่อนบ้าน อยากมีบ้านหลักล้าน ต้องมีเงินเดือนเท่าไหร่ ?
คำถามยอดฮิตที่หลายคนมักสงสัยอย่าง “ถ้าเงินเดือนเท่านี้ ควรซื้อบ้านราคาเท่าไหร่ ?” ถือเป็นคำถามพื้นฐานที่ผู้กู้จำเป็นต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ โดยเฉพาะการสำรวจคุณสมบัติทางการเงินผ่านรายได้ต่อเดือน โดยทั่วไปแล้ว ธนาคารจะใช้เงินเดือนเป็นเกณฑ์หลักในการกำหนดวงเงินกู้ และผู้กู้ควรเลือกบ้านในราคาที่เหมาะสมกับรายได้ ดังนี้
- ยอดผ่อนชำระต่อเดือน
เมื่อซื้อบ้าน สิ่งสำคัญอันดับต้น ๆ คือ การประเมินความสามารถในการผ่อนชำระต่อเดือน เพื่อไม่ให้เกิดภาระหนี้ที่มากเกินไป จนกระทบกับค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ดังนั้น ธนาคารมักใช้เกณฑ์เบื้องต้นในการพิจารณาวงเงินกู้ โดยดูจากสัดส่วนของ “ค่างวดผ่อนต่อเดือน” เทียบกับ “รายได้ต่อเดือน” ของผู้กู้ ซึ่งโดยทั่วไปจะอยู่ระหว่าง 30% – 50% ขึ้นอยู่กับประเภทสินเชื่อ และความสามารถในการชำระหนี้ของแต่ละคน
แต่เพื่อความปลอดภัย และเพื่อให้มีเงินเหลือใช้จ่ายในชีวิตประจำวันอย่างเพียงพอ ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินมักแนะนำว่า ค่างวดผ่อนบ้านควรไม่เกิน 50% ของรายได้ต่อเดือน
โดย วิธีคำนวณค่าผ่อนบ้านให้เหมาะสมกับรายได้ คุณสามารถใช้สูตรง่าย ๆ เพื่อประเมินยอดผ่อนที่เหมาะสมได้ ดังนี้
ค่าผ่อนบ้านสูงสุดต่อเดือน = รายได้ต่อเดือน x 50%
ตัวอย่างเช่น
- เงินเดือน 20,000 บาท ควรผ่อนไม่เกิน 10,000 บาท/เดือน
- เงินเดือน 30,000 บาท ควรผ่อนไม่เกิน 15,000 บาทต่อเดือน
- เงินเดือน 40,000 บาท ควรผ่อนไม่เกิน 20,000 บาทต่อเดือน
- วงเงินกู้สูงสุด
การกู้สินเชื่อบ้าน สามารถกู้ได้เต็มจำนวน 100% แต่ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถในการผ่อนชำระของแต่ละคน แต่หากให้เซฟที่สุด สามารถคำนวณจากสูตร ต่อไปนี้
(รายได้ x สัดส่วนภาระหนี้100) x อัตราส่วนวงเงินกู้ซื้อบ้านโดยเฉลี่ย = วงเงินกู้
ยกตัวอย่างเช่น นาย B มีเงินเดือน 20,000 บาท การขอวงเงินในการกู้ซื้อบ้าน ได้ประมาณ (20,000 x 50%100) x 150 = 1,500,000 บาท
โดยเมื่อทำตารางเปรียบเทียบเงินเดือน และวงเงินที่สามารถกู้ซื้อบ้านได้ ดังนี้
เงินเดือน (บาท) | ยอดผ่อนชำระต่อเดือน (บาท) | วงเงินกู้สูงสุด (บาท) |
15,000 | 7,500 | 1,125,000 |
25,000 | 12,500 | 1,875,000 |
35,000 | 17,500 | 2,625,000 |
45,000 | 22,500 | 3,375,000 |
55,000 | 27,000 | 4,125,000 |
65,000 | 32,500 | 4,875,000 |
75,000 | 37,500 | 5,625,000 |
จะเห็นได้ว่า ผู้ที่สนใจซื้อบ้านในช่วงราคา 2 ล้านบาท ควรมีเงินเดือนขั้นต่ำอยู่ที่ประมาณ 25,000 บาทขึ้นไป ในขณะที่บ้านราคา 5 ล้านบาท ควรมีเงินเดือนขั้นต่ำอยู่ที่ 65,000 บาทขึ้นไป เพื่อให้สามารถจัดการภาระผ่อนชำระรายเดือนได้อย่างเหมาะสม และไม่ส่งผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
สำหรับผู้ที่กำลังมองหาโครงการทาวน์โฮมทำเลแพรกษา ขอแนะนำ “นครทอง ดิ เออเบิร์น ไวบ์” จาก นครทอง โดยโครงการนี้ มาพร้อมทาวน์โฮมในสไตล์โมเดิร์นมินิมอล ที่ออกแบบให้ลงตัวกับไลฟ์สไตล์ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เพื่อตอบโจทย์การอยู่อาศัยอย่างลงตัว โดยมีราคาเริ่มต้นเพียง 2.59 – 5.49 ล้านบาท เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังมองหาบ้านหลังแรกในทำเลคุณภาพ ใกล้เมือง และเดินทางสะดวก
สิ่งที่ต้องรู้ ก่อนตัดสินใจผ่อนบ้าน ต้องวางแผนอย่างไร ?
สิ่งที่ต้องรู้ ก่อนตัดสินใจกู้ซื้อบ้านทาวน์โฮมแพรกษา คือ การวางแผนการเงินอย่างรอบคอบ เพราะแม้จะพิจารณาราคาบ้าน และเงินเดือนเรียบร้อยแล้ว แต่อุปสรรคสำคัญที่หลายคนมักเจอคือ การกู้ไม่ผ่าน เนื่องจากธนาคารประเมินแล้วว่า รายได้ไม่เพียงพอต่อภาระการผ่อนชำระ ดังนั้น เพื่อเป็นแนวทางสำหรับผู้ที่มีรายได้น้อย แต่อยากมีบ้านเป็นของตัวเอง สามารถเริ่มต้นวางแผนได้ ดังนี้
- การกู้ร่วม
หากรายได้ของผู้กู้หลัก ไม่เพียงพอต่อการขอกู้ซื้อบ้าน อาจพิจารณาทางเลือก “การกู้ร่วม” กับคู่สมรส หรือคนในครอบครัว เพื่อช่วยเพิ่มวงเงินกู้ และเพิ่มโอกาสให้ธนาคารพิจารณาอนุมัติสินเชื่อได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้ การกู้ร่วมจะสามารถดำเนินการได้ไม่เกิน 3 คน ตามเงื่อนไขที่ธนาคารกำหนด
โดยแนวทางนี้ ถือว่าเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่อยู่ในช่วงเริ่มต้นสร้างครอบครัว ซึ่งต้องการบ้านที่รองรับการใช้ชีวิตร่วมกัน และยังช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการผ่อนชำระในระยะยาวได้อีกด้วย
- เคลียร์หนี้เก่าก่อน
ถัดมาคือ การเคลียร์หนี้สินก่อนยื่นกู้ซื้อบ้าน ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งขั้นตอนสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะเมื่อคุณวางแผนจะซื้อบ้าน ควรจัดการปิดหนี้สินเดิมให้เรียบร้อย เช่น หนี้บัตรเครดิต หรือสินเชื่อส่วนบุคคล ที่อาจส่งผลต่อการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อของธนาคาร
นอกจากจะช่วยลดภาระหนี้รวมต่อเดือนแล้ว ยังช่วยเพิ่มความสามารถในการผ่อนบ้านได้มากขึ้น อีกทั้งยังส่งผลให้ธนาคารมีโอกาสอนุมัติวงเงินกู้ได้เต็มจำนวนตามที่ขอยื่นอีกด้วย
สุดท้ายนี้ สำหรับใครที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยในทำเลศักยภาพ ขอแนะนำโครงการคุณภาพจาก “นครทอง” กับทาวน์โฮมแพรกษาอย่าง “นครทอง ดิ เออเบิร์น ไวบ์” ซึ่งตอบโจทย์ทั้งดีไซน์ที่ทันสมัย และทำเลที่สะดวกสบาย หากสนใจสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือนัดเยี่ยมชมโครงการได้ที่
Line: @nktgroup
โทร 087-6789296 (นครทองลีฟวิ่ง บางนา)
084-6412666 (นครทองโคโลนี่ บางบ่อ)
097-1854467 (นครทอง ดิ เออเบิร์น ไวบ์ แพรกษา)
Inbox: Nakornthong Group